บำรุงราษฎร์ คาดปี 66 ผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 50% พร้อมชู Medical and Wellness Destination

ปี 2566 นับเป็นอีกปีที่น่าจับตามอง โดยตั้งแต่ ปลายปี 2565 เริ่มมีสัญญาณแนวโน้มที่ดีขึ้น เศรษฐกิจภายในประเทศทยอยปรับตัวดีขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น กลับมาใช้บริการที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการ เปิดประเทศบวกกับกระแสการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันที่เพิ่มมากขึ้นนี้ส่งเสริมให้เศรษฐกิจในประเทศกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

ภญ. อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า ใน ฐานะโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของประเทศไทย ประกาศตั้งเป้าสู่ปีแห่งความเป็นเลิศ (Year of Excellence) ในงาน แถลงข่าวปี 2566  ด้วยการผนึกความเชี่ยวชาญและต่อยอดของการรักษาโรคซับซ้อนเข้ากับการดูแลเชิงป้องกัน ภายใต้ชื่อศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ โดยยังคงยึดหลัก 4C1W เป็นปัจจัยหลักเพื่อก้าวสู่ปีแห่ง ความเป็นเลิศ ประกอบด้วย 1. Critical Care การรักษาผู้ป่วยภาวะวิกฤต 2. Complicated Care การรักษาผู้ป่วยที่ มีอาการซับซ้อนหลายโรคหรือโรคหายาก 3. Cutting-edge technology การให้ความสำคัญและประยุกต์ใช้ นวัตกรรมและเทคโนโลยี 4. Collaboration of expertise and partners การทำงานที่สอดประสานกันและการ แสวงพันธมิตรที่เข้มแข็ง และ 1. W = Wellness การแพทย์เชิงป้องกัน

ในปี 2565 บำรุงราษฎร์มีบทพิสูจน์ความสำเร็จซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการรักษาผู้ป่วยภาวะวิกฤต และ การดูแลโรคซับซ้อน ได้แก่ การเปิด “แผนกผู้ป่วยวิกฤตระบบประสาทและไขสันหลัง” , การเปิด “ศูนย์เฉพาะทางด้านการทำงานระบบทางเดินอาหาร, การ เปิด “ศูนย์ปลูกถ่ายกระจกตา, การเปิด “คลินิกคุณภาพการนอนหลับ, การพัฒนาคุณภาพของห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ เพื่อให้บริการด้านจีโนมิกส์ ด้วยเทคโนโลยี Next Generation Sequencing (NGS) ที่ช่วยในการถอดรหัสพันธุกรรมเพื่อทำนายโรค, การเปิดตัว Radiology Al นวัตกรรมที่เข้ามาช่วยรังสีแพทย์ในการวิเคราะห์และระบุตำแหน่งภาวะความผิดปกติของปอดและ มะเร็งเต้านมระยะแรกเริ่มได้อย่างแม่นยำ รวมถึงการปรับตัวสู่การเป็น Digitized Hospital โดยนำประโยชน์ของเทคโนโลยีด้านดิจิทัลมาปรับใช้ในการบริการ มีการพัฒนา Bumrungrad Application ให้ครอบคลุมมากขึ้น

สําหรับปี 2566 ภายใต้แนวคิดของ 4C1W บำรุงราษฎร์ประกาศให้เป็นปีสู่ความเป็นเลิศ (Year of Excellence) โดย มีเสาหลักด้านความเป็นเลิศ 4 ประการ ได้แก่

1. ความเป็นเลิศด้านบุคลากร  บุคลากรโรงพยาบาล คือทรัพย์สินที่มีค่าที่สุด ตลอดจนปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งจากรุ่นสู่รุ่น หนึ่งในกิจกรรมที่บำรุงราษฎร์ทำมาโดยตลอด คือ การ สร้างและพัฒนาให้มีบุคลากรด้านการแพทย์และการพยาบาลที่ทรงคุณค่าให้แก่โรงพยาบาลและแก่ประเทศชาติ ซึ่งรวมถึงการให้ทุนการศึกษาแก่พยาบาล โดย ศ. นพ. นิมิต เตชไกรชนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์พัฒนา และฝึกอบรมบุคลากรบำรุงราษฎร์ และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานวิจัยและการศึกษา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ให้ข้อมูลเพิ่มว่า โรงพยาบาลมีสถาบันทางวิชาการที่ส่งเสริมด้านการศึกษาและ ฝึกอบรมเพื่อให้บุคลากรมีความรู้ที่ทันสมัยอยู่เสมอ ถือได้ว่าปัจจุบันบำรุงราษฎร์เป็น “สถาบันวิชาการทาง การแพทย์ภาคเอกชน” หรือ Academic Private Hospital อย่างเต็มรูปแบบ อีกทั้งยังสนับสนุนให้แพทย์และ บุคลากรได้มีโอกาสทํางานวิจัย ตีพิมพ์ผลงานในวารสารทางวิชาการทั้งในระดับชาติและนานาชาติ ซึ่งนับเป็นการ ถ่ายทอดแบ่งปันองค์ความรู้ขององค์กรไปสู่สาธารณชนอีกด้วย โดยล่าสุด บำรุงราษฎร์ได้รับรางวัลสุดยอดองค์กร ไทย Thailand Best Employer Brand Award 2023 ได้แก่ รางวัลองค์กรนายจ้างยอดเยี่ยมของไทย และ รางวัลองค์กรยอดเยี่ยมด้านการใช้เทคโนโลยีเพื่อฝึกอบรมและเรียนรู้ รวมถึงได้รับการยกย่องจาก Hospital Management Excellence Award 2022 ให้เป็นผู้ชนะเลิศในหมวดความหลากหลาย (Diversity) ในฐานะ องค์กรด้านสาธารณสุขที่มีบทบาทโดดเด่นในการเคารพความแตกต่างหลากหลาย นับเป็นเครื่องการันตีถึงความ เป็นเลิศด้านบุคลากร

2. ความเป็นเลิศทางการแพทย์ นับเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการ ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้รับบริการ รศ.นพ. ทวีสิน ตันประยูร ประธานปฏิบัติการด้าน การแพทย์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อธิบายว่า นับตั้งแต่ก่อตั้งโรงพยาบาลและก้าวเข้าสู่ปีที่ 43 บำรุงราษฎร์ได้ ให้ความสำคัญในการพัฒนาและยกระดับศูนย์รักษาโรคมาโดยตลอด ซึ่งในปีนี้ โรงพยาบาลฯ มีการยกระดับศูนย์ ความเป็นเลิศทางการแพทย์ ได้แก่ สถาบันหัวใจ ศูนย์มะเร็งฮอไรซัน ศูนย์โรคระบบ ประสาท ศูนย์ทางเดินอาหารและตับและลำไส้ และศูนย์จักษุ ซึ่ง 5 ศูนย์ความเป็นเลิศนี้ เปรียบเสมือนเรือธงใน การขับเคลื่อนการรักษาพยาบาลในปี 2566 ขณะที่ศูนย์การรักษาอื่น ๆ ยังคงให้บริการด้วยคุณภาพมาตรฐาน และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามมาตรฐานของบำรุงราษฎร์ทุกประการ โดยบำรุงราษฎร์มีองค์แพทย์ที่เข้มแข็งทำหน้าที่กับการกำกับดูแลทางการแพทย์ ซึ่งเป็นธรรมภิบาลของแพทย์ เพื่อให้การ ประกอบวิชาชีพของแพทย์ให้เป็นไปตามกฎหมาย เป็นไปตามจริยธรรมและศีลธรรม (Moral) อย่างถูกต้อง เหมาะสม และเป็นไปตามคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีกระบวนการตอบสอบภายใน ๆ อย่างเป็นระบบตามมาตรฐานสากล ด้วยการออกแบบหลักสูตรพัฒนาแพทย์ที่เป็นแบบฉบับของบำรุงราษฎร์เอง รวมไปถึงการขยายศูนย์ ความเป็นเลิศทางการแพทย์ อาทิ ศูนย์มะเร็ง ร่วมกับโรงพยาบาลพันธมิตร ได้แก่ โรงพยาบาลพิษณุเวช และ โรงพยาบาลนครธน เพื่อให้ผู้ป่วยมีโอกาสได้เข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพมาตรฐาน

3. ความเป็นเลิศด้านคุณภาพและความปลอดภัย คุณภาพและความ ปลอดภัย คือ หัวใจสำคัญอีกประการของบำรุงราษฎร์ ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนในช่วงที่เกิดการระบาดของโรค บำรุงราษฎร์แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการบริหารจัดการการแพร่ระบาดของโรคได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมี การให้องค์กรอิสระภายนอกเข้ามาตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง อาทิ มาตรฐาน คุณภาพโรงพยาบาลระดับสากล (JCI), มาตรฐานคุณภาพโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ “ขั้นก้าวหน้า” (A-HA), การรับรองจาก Global Healthcare Accreditation (GHA) ในระดับความเป็นเลิศมาตรฐานสากลในการดูแล กลุ่มผู้ป่วยชาวต่างชาติที่เดินทางเพื่อเข้ารับการรักษาพยาบาลในประเทศไทย, ความเป็นเลิศในมาตรฐานด้านการ ปฏิบัติงานด้านพยาธิวิทยาและเวชศาสตร์ชันสูตรของห้องปฏิบัติการทางการแพทย์จากวิทยาลัยพยาธิแพทย์ อเมริกัน (CAP) ซึ่งคุณภาพและความปลอดภัย นับเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญของคุณภาพของสถานพยาบาล

4. ความเป็นเลิศในการส่งเสริมประสบการณ์ผู้ป่วย  บำรุงราษฎร์มี แผนการดำเนินงานอย่างชัดเจนในการให้บริการด้วยความเป็นเลิศต่อผู้ป่วย ซึ่งถือเป็นวัฒนธรรมองค์กรอันล้ำค่าที่ ถ่ายทอดกันมาสู่ปีที่ 43 ในปี 2566 โรงพยาบาลฯ ได้มีการปรับปรุงวิถีแห่งบำรุงราษฎร์  ซึ่ง เป็นแนวปฏิบัติของบุคลากรในการบริการผู้ป่วยที่เป็นแบบฉบับของบำรุงราษฎร์เองให้สอดรับตามยุคสมัย แต่ ยังคงแนวปฏิบัติที่ยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางในการรักษาพยาบาล นำไปสู่การให้บริบาลด้วยความเอื้ออาทร นับเป็นเอกลักษณ์ของบำรุงราษฎร์ที่สร้างความแตกต่าง ทำให้ผู้ป่วยและผู้ใช้บริการ ได้รับประสบการณ์เชิงบวก เกิดความประทับใจและบอกต่อไปยังบุคคลอื่น ๆ นับเป็นการสร้างความเชื่อมั่นที่ดี ที่สุดของโรงพยาบาล

ภญ. อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ กล่าวปิดท้ายว่า “ด้วยบทพิสูจน์ที่ผ่านมา และความพร้อมที่จะก้าวสู่ปีแห่งความเป็น เลิศในปี 2566 นี้ บำรุงราษฎร์มีความมุ่งมั่นอย่างมากในการสร้างความแตกต่าง ที่เอื้อให้เกิดการ เติบโตทางธุรกิจ เพื่อจะบรรลุวิสัยทัศน์ในการเป็นจุดหมายแห่งการดูแลสุขภาพและสุขภาวะที่น่าเชื่อถือ ที่สุด ซึ่งเป็นสถาบันเวชศาสตร์ชะลอวัยแบบบูรณาการ เป็นผู้บุกเบิกและวางรากฐานเวชศาสตร์เชิงป้องกันเป็นแห่งแรกในเอเชีย โดยมุ่งหวังให้ผู้คนมี ชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ

ปัจจุบัน ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ เติบโตอย่างมากและสร้างรายได้กว่า 1 พันล้านบาทในปี 2565 ซึ่งจะเป็นอีก บทพิสูจน์ของบำรุงราษฎร์ที่เสริมศักยภาพการเป็นจุดหมายแห่งการดูแลสุขภาพและสุขภาวะที่น่าเชื่อถือที่สุด สู่เป้าหมายของการเป็น “ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ” หรือ “การแพทย์ ครบวงจร” (Medical Hub) เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมอนาคต (New S-Curve) สร้างชื่อเสียงความน่าเชื่อถือให้กับ ธุรกิจการแพทย์และสุขภาพ และสร้างรายได้หมุนเวียนในระบบให้กับประเทศชาติ”


#โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ #Bumrungrad #ข่าวเศรษฐกิจ ##ธุรกิจการแพทย์ #ข่าวประจำวัน